หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ออกโรงจวกฟีฟ่าว่าเป็นตัวการที่ทำให้ทีมของเขาต้องตกรอบศึกฟุตบอลโลก 2022 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ซัวเรซ เป็นกัปตันทีมอุรุกวัยในเกมพบทีมชาติกาน่า ซึ่งห่างจากเหตุการณ์แฮนด์บอลอันเลื่องลือในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ ถึง 12 ปี
หลังจากที่ อังเดร อายิว พลาดจุดโทษ อุรุกวัย ก็โหมบุกแล้วคว้าชัยได้ด้วยสกอร์ 2-0 จากการเหมาสองประตูของ จอร์เจียน เด อาร์ราสเคต้า กองกลางของ ฟลาเมงโก้
อย่างไรก็ตาม อุรุกวัย ต้องเสียใจเมื่อ ฮวาง ฮี-ชาน ทำประตูชัยให้ เกาหลีใต้ เอาชนะ โปรตุเกส 2-1 ในนาทีที่ 91 พลิกแซงเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ จากประตูได้เสียที่ดีกว่า
ซัวเรซ ร้องไห้อยู่ที่ซุ้มม้านั่งสำรองหลังจากทีมตกรอบ ซึ่งมันอาจเป็นเกมฟุตบอลโลกปีสุดท้ายของอดีตหัวหอกลิเวอร์พูลและบาร์เซโลน่า
กระนั้น ซัวเรซ โพสต์บ่นลงในอินสตาแกรมว่า “การบอกลาฟุตบอลโลกมันเจ็บปวดมาก, แต่เรามีจิตใจที่สงบนิ่งเมื่อเราทุ่มเทสุดตัวเพื่อประเทศแล้ว”
“ภูมิใจที่เป็นชาวอุรุกวัยแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคารพเรา ขอบคุณชาวอุรุกวัยทุกคนที่สนับสนุนเราในทุกมุมโลก!”
แต่เขาให้สัมภาษณ์หลังเกมวิจารณ์กับฟีฟ่า โดยมองว่า เอดินสัน คาวานี่ ควรได้จุดโทษในช่วงท้ายเกม ซึ่งไม่ได้รับการตรวจสอบจาก VAR ด้วยซ้ำ
“ผมเห็นจุดโทษจากจังหวะ คาวานี่ เพราะเขาโดนกองหลังเข้าปะทะ และมันต้องเป็นจุดโทษ” ซัวเรซ บอกกับ TeleDoce
“ดาร์วิน ก็ชัดเจนเช่นกัน มันไม่ใช่ข้อแก้ตัว ฟีฟ่าต้องชี้แจงให้ชัดเจน พวกเขาต้องพยายามอธิบายให้ตัวเองดูดีขึ้นให้ได้เป็นอย่างน้อย”
อ่านข่าวเพิ่มเติม คลิก >>> ข่าวเชลซีวันนี้
Facebook Fanpage : Chelsea Fanclub